ชื่อร้านค้า เจษ สตูดิโอ รับถ่ายภาพพระเครื่อง ห้างตะวันออก คอมเพล็กซ์ จ. ฉะเชิงเทรา

ศรัทธา หลวงปู่มีชัย กามฉินฺโท แห่งวัดปราการชัยพัฒนาราม ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ละสังขารอย่างสงบวันที่ 12 กันยายน จนบัดนี้ 19 กันยายน 7วัน สังขารยังปกติเหมือนยังมีชีวิตอยู่ เหมือนแค่จำศีลไปเฉยๆ ไม่ได้ฉีดฟอมาลีนใดๆทั้งสิ้น

หลวงปู่มีชัย กามฉินฺโท

ประวัติหลวงปู่มีชัย กามฉินโท ภูมิหลัง เดิมชื่อ นายมีชัย สกุล ตรงเที่ยง ถือกำเนิด ที่ บ้านยาง ต.เทนมีย์ (เดิม) ปัจจุบันเป็น ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เกิดเมื่อวันที่9 ตุลาคม 2479 เป็นบุตรของโยมพ่อใหญ่ลอย ตรงเที่ยง และแม่ไมย์ ตรงเที่ยง หลวงปู่มีชัยมีพี่น้องร่วมสายโลหิตจำนวน9คน เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางน้ำ(จมน้ำ)ในวัยเด็กหนึ่งคนเหลือ8คน ดังนี้คือ...
1. นาย มูล ตรงเที่ยง (เสียชีวิตแล้ว)
2. นายเป็จ ตรงเที่ยง (เสียชีวิตแล้ว)
3. นายปราโมทย์ ตรงเที่ยง (ยังมีชีวิตอยู่)
4. นางเปา อยู่ปูน (เสียชีวิตแล้ว)
5. นางปาย ลำภู (ยังมีชีวิตอยู่)
6. นางปวย ผดุงดี (เสียชีวิตแล้ว)
7. หลวงปู่มีชัย กามฉินโท (ตรงเที่ยง)
8. นายสวัสดิ์ ตรงเที่ยง (ยังมีชีวิตอยู่)
หลวงปู่มีชัย กามฉินโท อุปสมบทครั้งแรกในวัยหนุ่ม ซึ่งขณะนั้น พี่ชายคือ นายปราโมทย์ ตรงเที่ยง ได้อุปสมบทมาแล้ว 2 พรรษา หลวงปู่มีชัย กามฉินโท ได้อุปสมบทตามแล้วมาจำพรรษาอยู่วัดเดียวกันกับพะพี่ชายคือ วัดศิริจันทร์ ตำบลเทนมีย์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ในขณะนั้นมีหลวงปู่เสน รัตนโชโต เป็นเจ้าอาวาส อยู่ได้ 2 พรรษาจึงได้ลาสิกขา เพื่อช่วยบิดา มารดา ประกอบสัมมาชีพและเป็นผู้มีความสามารถในการตัดเย็บเสื้อผ้าจึงได้เปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าและมีลูกจ้างประมาณ10คนคอยช่วยเหลืองาน ตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ได้ประมาณ 3ปี บิดามารดา จึงเห็นสมควรแก่การมีครอบครัว จึงหาคู่ครองที่เหมาะสมแต่งงาน ตามประเพณี โดยได้แต่งงานกับนางสาวสำอาง เชื้อเหิม ซึ่งเป็นบุตรนายเยียม นางพวง เชื้อเหิม บ้านโคกเพชร ต.ไพล องปราสาท จ.สุรินทร์ มีบุตร5คน
ต่อมา นายมีชัยและนางสำอาง ได้ย้ายมาตั้งรกรากที่บ้านปราสาท ต.ไพล อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ชีวิตในการครองเรือนช่วงชีวิตคฤหัถ์ อาชีพคือการทำไร่ ทำนา ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ซึ่งในขณะนั้นท่านได้เล่าให้ลูกๆฟังว่า...พ่อเป็นคนใจร้อนมากๆ มีอยู่วันหนึ่ง หมูที่ท่านเลี้ยงไว้เกิดหลุดจากคอกแล้ววิ่งไปเหยียบต้นข้าวที่ปลูกจนเกิดความเสียหาย พ่อโกรธมากจนระงับจิตใจไม่ไหวก็เลยตีหมูตัวนั้นตาย และขุดหลุมฝังไว้โดยประกาศไม่ให้ใครมาขุดเอาไปกินเป็นอันขาด ..อีกเหตุการณ์ที่ท่านเล่าให้ลูกๆฟัง..ตอนนั้นท่านปลูกผักสวนครัว ปรากฏว่ามีแมลงศตรูพืชพวกหนอนมากัดกินจนเกิดความเสียหายทั้งหมด ท่านจึงใช้ยาปราบศัตรูพืชที่ชื่อว่า โฟลิดอล ซึ่งมีฤทธิ์แรงมาก หมายกำจัดศัตรูพืชให้หมดไป ท่านเล่าต่อไปว่า ท่านได้สูดดมกลิ่นยาปราบศัตรูพืชเข้าจมูกจนทำให้หมดสติและเสียชีวิต ได้ศพสวดอภิธรรมสามวันในช่วงก่อนเกิดเหตุกาณ์นี้แม่สำอางภรรยาคู่ชีวิตได้ฝันว่า..บ้านได้เกิดเพลิงไหม้ครึ่งหลัง แต่สามารถหาคนช่วยดับไฟได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์นายมีชัยเสียชีวิต แม่สำอางจึงไม่ยอมให้ฉีดยาฟอร์มาลีน และไม่ให้ใส่โลงศพเพราะแม่สำอางมั่นใจว่ายังไงต้องฟื้นแน่นอน ครั้นสวดศพได้สามวัน ในคืนของวันที่สามขณะที่พระกำลังสวดพระอภิธรรมอยู่นั้น นายมีชัยก็กระดุกกระดิกคนในงานพากันหวาดกลัวตกใจขวัญกระเจิง เมื่อทุกคนได้สติก็พากันมามาปฐมพยาบาลจนกระทั่งฟื้นเป็นปกติ
ท่านเล่าถึงเหตุการณ์ตายแล้วฟื้นว่า....หลังจากท่านสิ้นลมหายใจ ท่านบอกว่าเหมือนมีคนมาเรียกชื่อท่าน ท่านก็ขานรับแล้วเค้าก็พาท่านไป คนพาท่านไปแต่งตัวใส่ชุดสีฟ้า คล้ายกับหมอหรือพยาบาลในโรงพยาบาล ขึงขังน่ากลัวมาก หลังจากเขาพาท่านไป ท่านบอกว่าก็ผ่านโลกมนุษย์ผ่านโลกวิญญาณไปถึงที่แห่งหนึ่ง เหมือนศาลาว่าการ พอไปถึงก็จะไปลงทะเบียน แล้วจะมีความดี ความชั่วที่เราทำปรากฏมาให้เห็นทั้งหมด อาหาร ผ้าไตร หรืออะไรที่เราเคยทำไว้ จำได้หรือไม่ได้มันผ่านมาให้เห็นทั้งหมด แล้วยมบาลถามว่าที่ทำนี่จริงใช่หรือเปล่าหลวงปู่มีชัย(นามัยในตอนนั้น)ท่านก็บอกว่าใช่......รอสักพัก มีคนเอาตัวท่านไปอีกที่ ท่านบอกว่า เป็นห้องๆ มีทั้งหมด 11 ห้อง แล้วห้องที่ท่านถูกพาไปเป็นห้องสุดท้ายพอดี ห้องที่ 11 พอเข้าไปห้องนั้นภาพที่เคยทำไว้ฉายออกมาหมดเลย แล้วอีกสักครู่มีท่านพยายมราชเข้ามาพร้อมกับบัญชีในมือ ถามว่า...ชื่ออะไร หลวงปู่ตอบว่า ชื่อ มีชัย แล้วพยายมราชถามนามสกุลท่านท่านบอกว่า... ไม่ใช่ คนนั้นอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งถัดไป
ในเมื่อ...ผู้ที่ต้องเสียชีวิตมารับคำพิพากษากลับไม่ใช่ท่าน พยายมราชจึงบอกว่า อ้าวอย่างนี้ผิดตัวแล้ว เอาไปส่งคืน หลวงปู่บอกว่า....พยายมราช หน้าตาดุดัน น่ากลัวมากที่สุด หลังจากนั้นมีคนพาท่านออกจากห้อง แล้วก็พามาส่งที่บ้านโดยให้นั่งบนมีม้าสีขาวมีบังเหียน พร้อมสรรพ มาส่งที่บ้าน พอท่านลงจากหลังม้า ท่านก็พบว่าท่านมาอยู่บริเวณบ้าน แล้วท่านมาเดินๆ อยู่รอบๆ บ้าน แล้วมานั่งพักอยู่โคนต้นมะม่วง แล้วไม่รู้อย่างไรอยู่ดีๆ ไปอยู่ที่ศพท่าน แล้วท่านก็รู้สึกตัวอีกที ท่านบอกว่ามีผ้าขาวห่อตัวอยู่แล้วพยายามดิ้นมาก แล้วได้ยินคนบอกว่า ผีตื่น แล้ววิ่งกันทั้งงาน....หลังจากฟื้นจากตาย..ท่านได้เล่าเรื่องราวชีวิตหลังความตายให้ลูกๆพ่อแม่พี่น้องและแม่สำอางฟังทั้งหมดและชวนกันให้มาสร้างบุญกุศลถือศีลห้าและเลิกการฆ่าสัตว์ตลอดชีวิตหมั่นปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิอบรมธรรมะแก่ตนเรื่อยมาจนกระทั่งบุตรสาวคนโตแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาท่านก็ดีใจและปลื้มใจบอกกับลูกๆว่า...พ่อจะเข้าสู่เส้นทางธรรมะแล้วให้ดูแลกันและกันให้ดี...
ในพศ.2528 เข้าสู่วัย52ปี ตอนนั้นหลานชายคนแรกมีอายุได้สามเดือนและลูกชายคยที่ห้าอายุได้สิบขวบปี ตรงกับวันจันทร์ที่22 เมษายน 2528 ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่ดุล อตุโล เจ้าอาวาสวัดบูรพาราม พระอารามหลวง จังหวัดสุรินทร์ ณ วัดป่าไตรวิเวก ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยมี พระโอภาสธรรมญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูคุณสารพินิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระวสันต์ วงคีโส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา..กามฉินโท...หลังจากอุปสมบทแล้วได้เร่งสมาธิปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล หลวงปู่สาม อกิญจโน หลวงปู่เทสน์ เทสรังสี หลวงพ่อพุธ ฐานิโย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และภูมิธรรมะความรู้จากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่ท่านมอบไว้ให้นำไปปฏิบัติธรรมเมื่อตอนเป็นคฤหัสถ์ หลวงปู่มีชัยได้เดินทางธุดงค์รอนแรมไปทั่วสารทิศ พำนักตามถ้ำคูหาแสนสงบสงัดวิเวกทางภาคใต้และพำนักที่จังหวัดยะลา ประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย จนกระทั่งกลับมาที่วัดปราการชัยพัฒนาราม ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ (วัดพระชรา)ที่ท่านสร้างไว้

หลวงปู่มีชัย กามฉินฺโท ได้ถึงแก่มรณะกาลด้วยอาการสงบ ในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘ เวลา ๐๔.๐๙ น. โดยประมาณ ตรงกัน วันพระ แรม ๑๔ ค่ำเดือน ๙
สิริอายุ ๘๔ ปี พรรษา ๓๐

ประวัติการธุดงค์ หลวงปู่มีชัย กามฉินโท
จากพังงา สู่ ถ้ำนางแก้ว
ข้อมูลจากพี่เปรมชัย ต้นครองจันทร์

ประวัติก่อนหน้านี้ไม่ทราบ จึงขอเริ่มต้นจากพังงา
เริ่มต้นจากสำนักสงฆ์ป่าโพธิวาส เขาหลัก จ.พังงา หลวงปู่มีชัย สร้างสำนักสงฆ์และสร้างถาวรวัตถุไว้ที่นี้หลายอย่าง ที่สำคัญคือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ เพื่อเทิดพระเกีรยติถวายพระเจ้าอยู่หัว พระพุทธรูปองค์นี้เมื่อครั้งเกิดสุนามิ ไม่เสียหายแม้แต่น้อย จากคำบอกเล่าว่าคลื่นได้แหวกออกไม่กระทบองค์พระ แต่บริเวณอื่นเสียหายหมด เมื่อหลวงปู่มีชัย จำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นระยะเวลาหนึ่ง ชาวบ้านก็จะนิมนต์ท่านเป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่ เมื่อทราบเจตนาของชาวบ้านเช่นนี้จึงธุดงค์หนี้เดินเลียบชายทะเล เพราะท่านบอกว่าถ้าเดินบนถนน ชาวบ้านก็จะตามท่านเจอ เมื่อชาวบ้านทราบว่าหลวงปู่ หนี้ไปก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความอาลัยและออกตามหา แต่ไม่เจอ หลวงปู่ท่านเดินธุดงค์ จากสำนักสงฆ์ที่พังงา ธุดงค์มาหลายวัน แต่ไม่ทราบว่ากี่วัน จนถึงภูเขาป่าลึกเพื่อทะลุไปอำเภอจะแนะ จังหวัดสงขลา จนเจอหมู่บ้านไทยพุทธ ชื่อบานีกูมู และหลวงปู่ ธุดงค์ไปอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ท่านสร้างที่พักสงฆ์ที่นี้และจำพรรษาประมาณ 2 ปี ที่นี้ที่เจอกระดูกช้างคู่บารมีเก่าของหลวงปู่ กระดูกช้างนี้อยู่ในเนินดินมานาน แต่ชาวบ้านแถวนั้นไม่ทราบมาก่อนว่าเนินดินนี้มีกระดูกช้างฝังอยู่ ระยะห่างจากที่ท่านพักหลวงปู่ไม่ไกล อยู่ในบริเวณที่พักสงฆ์ของหลวงปู่ อยู่มาวันหนึ่งฝนได้ตกหนัก ชะล้างเนินดินนั้นจะเห็นกระดูกช้าง ชาวบ้านจึงกราบเรียนหลวงปู่ ท่านจึงให้นำกระดูกช้างมากองรวมกันที่ในศาลา แต่ไม่มีใครเห็นงาช้าง รุ่งเช้าหลวงปู่ ท่านจึงเดินไปเก็บงาช้าง ขนาด 1 ฟุต เป็นช้างงาเดียว และหลวงปู่ ก็ซื้อเลื่อยตัดเหล็กมานั่งตัดงาช้างเอง หลวงปู่จำพรรษาที่ศรีสาคร ได้ระยะเวลาอันสมควรหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ก็มาบอกให้ท่านไปอยู่ถ้ำกระแซง อำเภอบังนังสตา จังหวัดยะลา

หลวงปู่ ท่านก็ธุดงค์ต่อไปเดินผ่านป่าเขา ถามชาวบ้านไปเลื่อย ๆ ว่าถ้ำกระแซงอยู่ที่ไหน ซึ่งหลวงปู่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าถ้ำอยู่ไหน แต่หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรบอกให้ไปอยู่ถ้ำกระแซง จนเจอถ้ำกระแซง เป็นถ้ำที่อยู่ด้านล่าง ในถ้ำนี้มีพระสงฆ์องค์หนึ่งชื่อพระบุณส่ง ได้จำพรรษาอยู่ในถ้ำก่อนแล้ว และไม่ค่อยพอใจที่หลวงปู่ จะมาอยู่ด้วย ให้หลวงปู่ไปอยู่ถ้ำด้านนอก ซึ่งเป็นบริเวณไม่ค่อยเหมาะสม หลวงปู่ท่านก็ออกมาจากถ้ำกระแซง แต่มาเจอคนแก่ชุดขาวเดินผ่านหน้าหลวงปู่ไปทางขวามือ หลวงปู่ท่านก็เดินตามคนแก่ชุดขาวไป ขึ้นเขา 1 ลูกและเดินลงเขาอีกหน่อยก็เจอถ้ำนางแก้ว ถ้ำนี้เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ถายในถ้ำโล่งเป็นโดมสูงมาก ความกว้างประมาณ ครึ่งสนามฟุตบอล มีเสาหินงอกหินย้อยขนาดใหย่ อากาศภายในถ้ำเย็นสบาย ไม่มีกลิ่นอับ ไม่มีขี้ค้างคาว ไม่มีแมลงและยุง แต่ออกมาแค่ปากถ้ำยุงเต็มไปหมด

พี่เปรมชัย เล่าว่าตอนที่เจอหลวงปู่มีชัย เนื่องจากเฮียเคี้ยง รู้จักหลวงปู่มีชัย สมัยท่านอยู่ศรีสาครและตามมาถึงถ้ำนางแก้ว ตอนนั้นพี่เปรมชัย เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโรงพยาบาลบานังสตา ระยะห่างจากถ้ำนางแก้วประมาณ 50 กม เฮียเคียงมาบอกว่าจะพาไปกราบพระธุดงค์องค์หนึ่งท่านเก่งมาก เมื่อไปเจอหลวงปู่ ที่ถ้ำนางแก้วหลวงปู่ อยู่ในถ้ำนี้ประมาณ 4 วัน ภายในถ้ำไม่มีอะไรเลย อัฐบริขารหลวงปู่ มีแต่บาตร กับหม้อ 1 ใบ หลวงปู่ ท่านนั่งอยู่กับพื้นถ้ำ สบงจีวรเปี้ยกหมดเนื่องจากความชื้นภายในถ้ำ พี่เปรมชัย กราบเรียนถามหลวงปู่ว่า กรดของหลวงปู่ ไม่มีหรอ หลวงปู่ท่านตอบว่าจะแบกกรดมาทำมัย แต่แบกสังขารก็หนักพอแล้ว วันต่อมาพี่เปรมชัยและเฮียเคียง ก็ซื้อเสื่อน้ำมัน เตาแก๊สปิกนิค ที่มีหัวต้มและเปลี่ยนหัวเป็นตะเกียงได้ ถ้วย ช้อน จาน ชาม โต๊ะญี่ปุ่นไว้วางของ แบกขึ้นเขาไปถวายหลวงปู่ในถ้ำ

เรื่องหมาสีขาวนำทาง หมาตัวนี้แปลกมา จะอยู่ตีนเขาก่อนถึงถ้ำกระแซง เมื่อมีคนเดินถือถุงถือของมาเพื่อจะขึ้นไปกราบหลวงปู่ หมาสีขาวตัวนี้จะวิ่งมาจากไหนไม่รู้จะเดินนำหน้าคนตลอด ทิ้งระยะห่างประมาณ 5 เมตร เมื่อคนเหนื่อยหยุดพัก หมาก็จะหยุดรอ เมื่อคนเดินต่อ หมาก็จะเดินต่อ ไปส่งจนถึงถ้ำระหว่างทางเป็นป่า ถ้าไม่มีหมานำทาง ต้องมีคนหลงทางแน่นอน

กลับมาเล่าเรื่องพระบุญส่ง องค์นี้มีวิชาอาคมเก่งมาก เสกของ เช่น ตะปู เข็ม ด้าย หนังวัว เสกส่งมาทำร้ายหลวงปู่เป็นประจำ แต่มิสามารถทำอะไรหลวงปู่ได้ เสกมาก็ตกลงพื้นในบริเวณที่หลวงปู่นั่งสมาธิ

เรื่องการยกพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตัก 1.5 เมตร สูงประมาณ 3 เมตร พี่เปรมชัย ได้ขอกำลังพลทหารพรานประมาณ 50 คน มาช่วยยกไม้ที่พี่เปรมชัย ขนมา 1 คันรถสิบล้อ และอีกส่วนหนึ่ง ช่วยกันยกพระพุทธรูป
พระองค์นี้ใหญ่และหนักมาก ยกขึ้นเขาเข้าป่า แต่ที่อัศจรรย์ใจและน่ากลัวที่สุดคือตรงบริเวณหน้าฝาลึก ที่ใช้ท่อน้ำ PVC ขนาดใหญ่พาดเป็นสะพานข้าม ทหารช่วยกันยกข้ามทีละศอก ทีละศอก เนื่องด้วยช่องทางที่แคบและอันตรายมาก ในครั้งนั้นหลวงปู่มีชัย เดินนำหน้าขบวนตลอดทาง

เรื่องเครืองดนตรี หลวงปุ่ ท่านซื้อเครื่องดนตรี เช่น ระนาด กลอง ฆ้อง ฉิง ฉาบ ต่าง ๆ ตอนแรกก็อยู่พื้นถ้ำนางแก้ว แต่วันต่อมา เครืองดนตรีชุดนี้ ขึ้นไปอยู่บนหน้าฝาสูง ด้านบนถ้ำนางแก้ว ได้อย่างไรไม่มีใครทราบ เพราะมีแค่หลวงปู่ อยู่องค์เดียว บันไดก็ไม่มี แต่ใครยกขึ้นไปก็ไม่ทราบ เครื่องดนตรีชุดนี้ หลวงปู่ท่านบอกว่าให้เหล่าคนธรรณ์ไว้ใช้เล่น คนธรรณ์เหล่านี้ชอบสนุกสนาน ชอบดนตรี

ระยะทางการธุดงค์ของหลวงปู่มีชัย จากพังงา ไปถ้ำนางแก้ว ระยะทางประมาณ 600 กม

ขอบคุณข้อมูลพี่เปรมชัย ต้นครองจันทร์

โดย เจษเมืองฉะ - เมื่อ 20 กันยายน 2558
  ชอบ 0  /  เข้าชม 136700  /  ความคิดเห็น 17
ดูข้อมูลต่อ

 แสดงความคิดเห็น


(รองรับไฟล์รูปภาพนามสกุล .jpg, .png, .gif)